แม้ว่าชาติชายจะไม่ได้ตอบคำถามตรงๆแต่การย้อนถามที่ว่า “มึงรู้ได้ยังไง?” นั่นก็คือคำตอบที่ยอมรับว่า “ใช่” ได้เช่นกัน
“ก็เพราะกูก็ฝันเห็นเทวรูปเหมือนกัน” คำตอบของยอดชายทำให้ผู้ที่นั่งกุมพวงมาลัยรถถึงกับตะลึงงันไปชั่วขณะ จากนั้นทั้งสองจึงเล่าเหตุการณ์ในความฝันให้แก่กันและกันฟังตั้งแต่ต้นจนจบยกเว้นแต่ฉากสวาทอันเร่าร้อนของสองบุรุษเพศที่มีใบหน้าเหมือนตนกับอีกฝ่ายเท่านั้นที่จงใจข้ามไปไม่ได้บอกเล่าออกมา ถึงแม้รายละเอียดในความฝันจะไม่ได้ตรงกันทั้งหมดแต่ก็เหมือนกันอยู่แปดส่วนทำเอาชายทั้งคู่แทบไม่อยากเชื่อว่านี่จะเป็นแค่ความฝันเพราะทุกอย่างล้วนให้ความรู้สึกราวกับเป็นเรื่องจริง...ความเย็นวาบจากสันหลังแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ในใจของทั้งคู่บังเกิดปมปริศนาที่ยากคลี่คลาย หากท้ายสุดยอดชายจึงพูดขึ้นว่า
“เรื่องนี้สามารถพิสูจน์ได้!”
“พิสูจน์” ชาติชายทวนคำก่อนถาม... “ยังไงวะ?”
“ทิพย์” ทั้งคู่พูดชื่อช่อทิพย์พร้อมกันราวกับนัดแนะ ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนช่อทิพย์ต้องเลือกคนใดคนหนึ่งอย่างแน่นอนไม่มีทางที่จะเป็นอื่น...ไม่ว่าช่อทิพย์จะเลือกใครก็ตามนั่นเท่ากับว่าคำพูดของบุรุษปริศนาในความฝันที่บอกว่าช่อทิพย์ไม่ใช่เนื้อคู่ของเขาทั้งสองคนนั้นย่อมผิดพลาดเป็นการพิสูจน์ได้ว่าความฝันก็คือความฝันไม่อาจเป็นจริง
‘คำตอบของช่อทิพย์จะจบปัญหาทุกอย่าง’ ชาติชายคิดในใจ...เมื่อคิดได้เช่นนี้ชายหนุ่มจึงเหยียบคันเร่งมุ่งหน้าสู่ร้านน้ำชาท้ายหมู่บ้าน...
เมื่อร่างสูงล่ำกำยำของสองบุรุษฉกรรจ์เหยียบย่างเข้ามาภายในร้านน้ำชาก็พบว่าวันนี้มีแขกมาเที่ยวมากเป็นพิเศษเหมือนกับมีงานเลี้ยงจนไม่มีหญิงงามคนไหนว่างมาต้อนรับแขกที่พึ่งเข้ามาในร้านเหมือนเช่นทุกครั้ง ยอดชายกับชาติชายต่างกวาดตามองโดยรอบแต่ก็ไม่พบเห็นสตรีที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวครั้งนี้แม้แต่เงา ชั้นล่างของร้านน้ำชานี้มีไว้สำหรับต้อนรับแขกที่มาดื่มกินทั่วไป ชั้นสองและชั้นสามมีไว้สำหรับให้ผู้ชายจ่ายเงินเปิดห้องระบายความใคร่ตามธรรมชาติ หากแต่ชั้นสามจะเป็นชั้นพิเศษที่ทั้งชั้นมีไว้ต้อนรับแขกวีไอพีทิปหนักๆเท่านั้น ส่วนชั้นสี่จะเป็นห้องพักของหญิงบริการประจำร้านที่กินนอนอยู่ที่ร้านแห่งนี้
“ทางนี้” ชาติชายพูดพร้อมกับก้าวเดินขึ้นบันไดโดยมียอดชายเดินตามหลังมาติดๆ จากชั้นสองก็มาถึงชั้นสามโดยที่ไม่มีใครทันสังเกต ปกติแล้วถ้าไม่ใช่แขกวีไอพีจะต้องบอกกับเจ้าของร้านก่อนจึงจะสามารถขึ้นมาชั้นวีไอพีนี้ได้และที่หน้าบันไดทางขึ้นชั้นสามก็มีป้ายบอกอย่างชัดเจนว่า ‘เฉพาะแขกวีไอพี ห้ามขึ้นก่อนได้รับอนุญาต’ แต่เพราะความใจร้อนของชาติชายที่ต้องการเจอช่อทิพย์เขาจึงไม่สนใจกฎระเบียบต่างๆและขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะก้าวขึ้นบันไดสู่ชั้นสี่เพื่อไปหาช่อทิพย์ก็ปรากฏสุ้มเสียงแหลมสดใสดังมาจากห้องรับแขกวีไอพีด้านใน...เสียงหวานหยาดเยิ้มคุ้นหูยิ่งจนชาติชายต้องหันหน้ากลับไปมองยังทิศทางของต้นเสียงที่ได้ยินทันที
“ทิพย์” ชายหนุ่มเรียกชื่อหญิงงามที่ตนกำลังตามหาก่อนจะพุ่งตัวปราดไปยังห้องที่มีเสียงนั้นแว่วมาอย่างรวดเร็ว ขณะที่ชาติชายกำลังจะผลักเปิดประตูเข้าไปแต่ก็ต้องชะงักเพราะคำสนทนาของผู้ที่อยู่ในห้องนั้นทำให้เขาต้องหยุดฟัง...
“เสี่ยจะไม่ยอมรับเด็กในท้องเป็นลูกใช่มั๊ย?” เสียงของช่อทิพย์ที่ดังลอดออกมาจากภายในห้องถามด้วยความร้อนใจในขณะนั้นก็มีเสียงระคายหูของผู้ชายท่าทางมีอายุพอสมควรตะคอกกลับแทบจะทันที
“วันๆรับแขกกี่คนก็ไม่รู้ ลูกใครก็ไม่รู้ จะให้กูรับเป็นพ่อได้ยังไงวะ?” สำเนียงและวิธีพูดของผู้ชายที่อยู่หลังประตูใหญ่คล้ายกับไม่ใช่คนไทย
“เสี่ยพูดอย่างนี้ได้ยังไง ปกติหนูก็รับแขกอยู่ไม่กี่คนเสี่ยก็รู้แล้วอีกอย่างทุกครั้งหนูก็จะใช้ยาเหน็บ ยกเว้นแต่กับเสี่ยและถ้านับระยะเวลาที่เสี่ยมาหาหนูหลังสุดก็พอดี...”
“พอๆไม่ต้องพูดแล้ว ต่อให้เป็นลูกกูๆก็ไม่รับ เดี๋ยวเอาเงินก้อนนี้ไปแล้วไปเอาเด็กออกซะ!”
ที่แท้ทุกครั้งก่อนที่ช่อทิพย์จะรับแขกจะสอดยาฆ่าเชื้ออสุจิไว้ในช่องคลอดนี่จึงเป็นเหตุให้ชาติชายไม่สามารถทำให้หล่อนตั้งครรภ์มีลูกกับเขาได้ จุดประสงค์ของผู้หญิงขายบริการก็เพื่อเงินและหากโชคดีเจอโคแก่รวยๆเอาไว้ปรนเปรอเงินทองให้กับตนเองได้เรื่อยๆมีหรือที่จะไม่รีบคว้าไว้? สำหรับช่อทิพย์แล้วชายหนุ่มทั้งคู่ที่แอบฟังบทสนทนาอยู่นั้นหล่อนเพียงแต่สนใจในรูปร่างหน้าตาอันหล่อเหลาแกร่งกล้ามจึงยอมมีความสัมพันธ์ด้วยแต่หาได้คิดจะอยู่กินเป็นผัวเมียแบบที่ชาติชายวาดฝันไว้แต่แรกไม่
ความจริงทุกอย่างปรากฏพร้อมกับความอดทนของชาติชายที่ทนฟังอยู่นานสิ้นสุดลง ชายหนุ่มไม่สามารถสะกดอดกลั้นได้อีกต่อไป มือหยาบใหญ่แข็งแรงผลักจะเปิดประตูแต่ประตูลงกลอนจากด้านใน ด้วยความโกรธความเสียใจและเจ็บใจที่โดนผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึงหลอกมาตลอดชาติชายจึงยกเท้าถีบประตูทีเดียวจนเกิดเสียงดัง ‘โครม’...ประตูบานใหญ่เปิดผลั๊วอ้าเข้าไปด้านในพร้อมกับกลอนไม้ที่สอดคั่นอยู่หลังบานประตูนั้นหักสะบั้นลงในพริบตา ภายในห้องโถงกว้างมีห้องอเนกประสงค์แยกย่อยอีกหลายห้องสมกับที่เป็นชั้นไว้บริการแขกพิเศษโดยเฉพาะ
สีหน้าแววตาของช่อทิพย์แสดงออกถึงความงงงันและใจหายวาบเมื่อหันมาเห็นชาติชายยืนโดดเด่นคู่กับยอดชาย
”พี่ชาย!” หญิงสาวเรียกชื่อชายหนุ่มที่พังประตูเข้ามาด้วยความตกใจ
“พี่ชายคนไหนล่ะทิพย์? หมายถึงพี่ หมายถึงไอ้ยอด?...” น้ำเสียงและวิธีถามของชาติชายเต็มไปด้วยความโกรธก่อนจะชี้มือไปยังผู้ชายวัยห้าสิบเศษรูปร่างท้วมแต่งตัวภูมิฐานที่กำลังนั่งถือเงินปึกใหญ่อยู่บนโซฟาหนังสัตว์เบื้องหน้า...”หรือหมายถึงไอ้แก่นั่น?
“อ้าวเฮ้ย! พูดจาให้มันดีๆหน่อย” ชายร่างท้วมตวาดแต่ชาติชายกลับไม่ได้สนใจยังคงพูดต่อ
“พี่ไม่คิดเลยนะทิพย์ว่าทิพย์จะโกหกพี่ เสียแรงที่พี่จริงใจกับทิพย์มาตลอด” ชายหนุ่มพูดจากความรู้สึกแท้จริง
“ทิพย์ไม่ได้หลอกพี่ชายนะคะแต่ลำพังแค่เงินเดือนหัวหน้าคนงานก่อสร้าง...” หญิงสาวกำลังจะพูดต่อแต่ถูกขัดจังหวะ
“หยุดพล่ามกันได้แล้ว...ที่แท้แม่งก็แค่กรรมกรข้างถนน เฮ้ย พวกมึงช่วยกันลากคอไอ้กุ๊ยข้างถนนสองตัวนี่ออกไปจากห้องของกูที” ชายร่างท้วมออกคำสั่ง พลันปรากฏชายชุดดำรูปร่างปราดเปรียวสี่คนปราดเข้ามาล้อมชายหนุ่มทั้งสองเอาไว้ตรงกลางเหมือนฝูงหมาป่าที่กำลังล้อมสองราชสีห์หนุ่ม ครั้งแรกที่ชาติชายพังประตูเข้ามาด้วยความโกรธเขาจึงไม่ทันสังเกตเห็นว่าที่สองฝั่งของห้องโถงกว้างนี้ยังมีชายชุดดำนั่งคุกเข่าอยู่ด้วยฝั่งละสองคน ส่วนยอดชายนั้นก็พึ่งสังเกตเห็นคนทั้งสี่ก่อนหน้าไม่นานแต่เรื่องราวมาถึงขั้นนี้อะไรจะเกิดก็คงต้องเกิดแล้ว
ลักษณะของชุดสีดำที่กลุ่มชายทั้งสี่คนสวมใส่กับดาบซามูไรที่ถูกชักออกมาก็พอจะทำให้รู้ได้ว่าพื้นเพชาติกำเนิดของคนเหล่านี้มาจากที่ใดหากแต่ทางด้านฝีมือยังดูไม่ออกว่าจะมีลวดลายอันร้ายกาจใดซ่อนอยู่บ้าง ถึงแม้ชายหนุ่มทั้งสองจะมีรูปร่างสูงใหญ่กำยำกว่าชายชุดดำทั้งสี่หากแต่ก็ยังเสียเปรียบทั้งด้านจำนวนคนและอาวุธเหตุการณ์จึงนับว่าคับขันอันตรายนัก
“กูให้พวกมึงเลือกเอาว่าจะตายอยู่ที่นี่หรือจะยอมทิ้งนิ้วโป้งขวาไว้แล้วรีบไสหัวออกไปให้พ้นหน้ากู” ชายท้วมยื่นข้อเสนอด้วยวิธีพูดชวนขนลุก
ยอดชายรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้พวกตนยากจะมีเปรียบจึงคิดแผนกระตุ้นความทะนงตัวถือดีของอีกฝ่ายดังนั้นจึงพูดอย่างปลอดโปร่งเยือกเย็นว่า
“ที่แท้พวกซามูไรก็เก่งแต่ใช้อาวุธกับพวกมากเข้ารุมผู้คน ถ้าแน่จริงก็วางอาวุธแล้วมาสู้กันตัวต่อตัวแบบลูกผู้ชายสิวะกล้าหรือเปล่า?”
ทั้งยอดชายและชาติชายต่างคิดตรงกันว่าหากอีกฝ่ายยอมสั่งให้ลูกน้องวางดาบและมาสู้กันแบบตัวต่อตัวหรือต่อให้เป็นสี่รุมสองพวกเขาก็สามารถเอาชนะคนทั้งหมดนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นแต่ด้วยวัยและประสบการณ์ของชายท้วมที่มีมากกว่าสองหนุ่มเกือบยี่สิบปี...มีหรือที่จะมองแผนยั่วยุของยอดชายไม่ออกว่าหากยอมสั่งให้ลูกน้องทั้งสี่คนวางอาวุธนั่นเท่ากับส่งหมาป่าเข้าไปให้สิงโตหนุ่มขย้ำเล่นมีแต่จะตายเปล่าเพราะดูจากลักษณะท่าทางองอาจห้าวหาญและรูปร่างกำยำของทั้งคู่ ลูกน้องทั้งสี่ของมันไหนเลยจะเอามาเทียบเปรียบได้ ชายร่างท้วมหัวเราะอย่างเย็นชาแสยะยิ้มเล็กน้อยก่อนตวาดว่า...
”ฆ่ามัน!”
สิ้นคำสั่งของผู้เป็นนาย ชายชุดดำทั้งสี่ต่างจู่โจมอย่างดุร้ายหมายชีวิตแต่ละดาบที่ฟันออกแสดงเจตนาจะฟันเลือดเนื้อของชายทั้งคู่ออกมาเป็นชิ้นๆเพื่อให้นายของตนพึงพอใจมากที่สุด ทั้งยอดชายและชาติชายต่างปัดป้องหลบหลีกอย่างยากเย็น ระหว่างที่หลบหลีกยอดชายคิดจะพุ่งปราดเข้าไปจัดการกับชายร่างท้วมที่กำลังนั่งสูบซิก้าอยู่หลายครั้งแต่ทุกครั้งล้วนถูกชายชุดดำสองคนสะบัดดาบซามูไรขวางหน้าไว้ ทางด้านชาติชายเองก็ต้องรับมือกับชายชุดดำอีกสองคน...เขาคิดจะสยบศัตรูโดยการตะปบคว้าข้อมือของชายชุดดำทั้งสองแย่งชิงดาบซามูไรมาแต่ทว่าการกวัดแกว่งดาบของชายชุดดำพลิกแพลงรวดเร็วกอปรกับอาการบอบช้ำภายในของชาติชายกับยอดชายที่ต่อสู้ชกต่อยกันเมื่อสองวันก่อนรวมทั้งเรี่ยวแรงที่ใช้ในการยกแบกไม้สักทองขึ้นเขาเมื่อวานยังไม่ฟื้นฟูหายดีทำให้การเคลื่อนไหวติดขัดไม่คล่องแคล่วเหมือนในยามปกติ พริบตานั้นได้ยินเสียงดัง 'แควก' เหมือนผ้าเนื้อหนาถูกฉีกขาดที่แท้ขณะที่เคลื่อนไหวหลบหลีกยอดชายพลาดท่าล้มลงเสียงดาบของชายชุดดำฟันเข้ามาอย่างเร่งร้อน 'ขวับๆๆ' ชายหนุ่มจึงกลิ้งตัวหลบเลี่ยงแต่ปลายดาบยังคงฟันถูกต้นขาซ้ายจนผ้ากางเกงยีนส์ฉีกขาดโลหิตไหลหลั่งออกมาจำนวนหนึ่ง ช่อทิพย์ที่มองเห็นเหตุการณ์หวาดเสียวตรงหน้าอุทานดัง “อา” ขยับกายบอบบางหลบอยู่หลังชายร่างท้วม
เมื่อเห็นว่าการโจมตีประสบผลสามารถฟันถูกเป้าหมายได้รับบาดเจ็บชายชุดดำจึงคิดจู่โจมต่อเนื่องทันที ทางด้านชาติชายเมื่อเห็นว่ายอดชายพลาดท่าถูกคมดาบฟันที่ต้นขาก็บังเกิดความร้อนใจอย่างบอกไม่ถูก จังหวะนั้นพอดีสามารถหลบเข้าวงในประชิดตัวชายชุดดำคนหนึ่งได้จึงเกร็งกำลังแขนทั้งหมดที่มีต่อยหมัดขวาใส่ร่างของมันอย่างแรง
'ปึ้ก!' ความรุนแรงจากหมัดของชาติชายครั้งนี่พอดีกระแทกถูกซี่โครงด้านซ้ายของชายชุดดำหักไปซี่หนึ่งจนร่างของมันกระเด็นหงายออกไปทว่าพริบตานั้นก็ถูกมือซ้ายของชาติชายคว้าจับคอเสื้อเอาไว้และเหวี่ยงโยนใส่ชายชุดดำอีกสองคนที่กำลังจะปราดเข้าไปตวัดดาบใส่ยอดชายที่นั่งคุกเข่าข้างเดียวเพราะกำลังจะตั้งหลักทรงกายลุกขึ้นยืน...
'พลั่ก' เสียงร่างของชายชุดดำที่ถูกสลัดเหวี่ยงออกไปกระแทกชนกับชายชุดดำอีกสองคนจนล้มไปด้วยกัน ชายชุดดำที่ถูกต่อยจนซี่โครงหักถึงกับนอนกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่ วินาทีที่ชาติชายเหวี่ยงร่างของชายชุดดำเพื่อช่วยเหลือยอดชายเท่ากับการเคลื่อนไหวหลบหลีกของตนเองต้องหยุดชะงักลงชั่ววูบเป็นการเปิดช่องโหว่โอกาสให้ชายชุดดำอีกคนสะอึกเข้ามาลงมือ ชายชุดดำฟันดาบออกในแนวขวางปรากฎเงาแวววาวจากตัวดาบ...ชาติชายรีบกระโดดพุ่งตัวถอยหลังหลบเลี่ยงแต่ยังโดนปลายดาบกรีดเสื้อบริเวณหน้าอกฉีกขาดเป็นทางยาวบาดลึกถึงผิวกายแกร่งปรากฏโลหิตค่อยๆไหลซึมออกมาเลอะเสื้อเป็นด่างดวง โชคยังดีที่โดนเพียงส่วนปลายของคมดาบบาดแผลจึงไม่ลึกมากหากแม้เขากระโดดถอยหลังช้ากว่านี้สักครึ่งก้าวหนึ่งวินาทีต่อให้มีแผงอกแกร่งหนาปานใดก็ต้องถูกดาบซามูไรผ่าแยกออกจนเป็นสองส่วนตกตายในสภาพสยดสยองแล้ว
ทางด้านของชายชุดดำเมื่อเห็นพวกเดียวกันพลาดท่าถูกชาติชายต่อยและจับเหวี่ยงในพริบตาจึงเพิ่มความระวังมากกว่าเดิมกวัดแกว่งดาบเป็นวงคุ้มครองรอบกายในรัศมีสามเมตรป้องกันไม่ให้ชาติชายบุกเข้ามาประชิดตัวได้อีก ยามนั้นยอดชายเห็นชายชุดดำที่พึ่งถูกจับเหวี่ยงกระเด็นลงไปนอนทับพวกเดียวกันเองล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อหยิบวัตถุสีเงินวาววับชนิดหนึ่งออกมา ที่แท้ชายชุดดำที่ถูกชาติชายต่อยจนซี่โครงหักผู้นี้มีความสามารถในการใช้อาวุธลับสูงเยี่ยมและอาวุธสีเงินที่มันหยิบออกมาจากอกเสื้อนี้ก็คือมีดเงินขนาดเล็กที่ได้รับการขนานนามว่า ‘มีดบินยมฑูต - 死亡之神‘ ที่ผ่านมาศัตรูเข้มแข็งนับไม่ถ้วนล้วนต้องตายด้วยอาวุธลับชนิดนี้เพราะไม่ว่าศัตรูจะมีร่างกายแข็งแกร่งปานใดหากแต่ย่อมปรากฏจุดอ่อนเหมือนกันอย่างหนึ่งนั่นคือบริเวณลำคอและลูกกระเดือก มาตรว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่อาจลุกขึ้นยืนได้แต่ชายชุดดำนั้นยังฝืนใจรวบรวมเรี่ยวแรงอึดหนึ่งซัดมีดบินขนาดเล็กในมือออกพุ่งใส่ลำคอของชาติชาย มีดบินยมฑูตพุ่งแหวกฝ่าอากาศออกไปมีสภาวะเร่งร้อนรวดเร็วยิ่ง...เค้าแห่งความอำมหิตฉายชัดบนใบหน้าและแววตาชายชุดดำเพราะเห็นแน่ชัดว่าศัตรูของมันยากหลบหลีกรอดพ้นความตายในใจจึงบังเกิดความยินดี
ทว่าตั้งแต่วินาทีที่ยอดชายเห็นชายชุดดำล้วงมีดบินออกจากอกเสื้อก็พอจะคาดเดาเจตนาของอีกฝ่ายได้ไม่ยาก เมื่อชายชุดดำขยับข้อมือเตรียมสะบัดซัดอาวุธลับ ยอดชายจึงชิงพุ่งตัวเฉียงออกไปทางขวา ความจริงเขาก้าวเท้าด้วยความยากลำบากเนื่องจากบาดเจ็บบอบช้ำอยู่ก่อนแต่ตอนนี้ความเป็นความตายของพวกตนเฉกเช่นแขวนบนเส้นด้าย ไม่ทราบรวบรวมเรี่ยวแรงจากที่ใด เพียงชั่วพริบตาที่ชายชุดดำบังเกิดความยินดีหลังมีดบินพุ่งแหวกอากาศออกไปเหลืออีกเพียงไม่กี่เมตรเมื่อมีดบินบรรลุถึงเป้าหมายก็จะสามารถปลิดชีวิตของชาติชายลงได้แต่แล้วกลับปรากฏเงาร่างกำยำถลันวูบเข้ามาขวางไว้จากมุมที่เหนือความคาดเดา คมมีดพอดีปักเข้าที่แผงอกของบุรุษผิวเข้มบริเวณเหนือราวนมด้านขวา...'ฉึก' ถึงแม้แผงอกของยอดชายจะแน่นล่ำแต่ส่วนคมของใบมีดยังสามารถกรีดทะลวงจมลึกเข้าไปในเลือดเนื้อถึงสิบเจ็ดสิบแปดหุนหากแม้มีดนี้พุ่งใส่ลำคอของผู้คนไหนเลยยังจะสามารถรักษาชีวิตสืบต่อได้?
ยอดชายใช้มือซ้ายจับที่ด้ามมีดถอนดึงมีดสั้นออกจากแผงอกของตน...'ฟึ่บ' ทันทีที่มีดถูกดึงหลุดออกมาก็ปรากฏโลหิตสีแดงสดสายหนึ่งฉีดพุ่งออกจากปากแผล ชายหนุ่มใช้มือขวากดปากแผลไว้ในขณะที่สายตาเหลือบมองมีดสั้นในมือซ้ายพบว่าตัวมีดถูกแกะสลักอย่างประณีตมีลวดลายรูปดอกซากุระประทับอยู่ที่ปลายด้าม ส่วนใบมีดนั้นคมกล้าผิดธรรมดาคล้ายถูกหลอมสร้างจากโลหะธาตุพิเศษหลายชนิดรวมกัน นอกจากฝีมือการซัดปาอันแม่นยำของผู้ใช้อาวุธลับเองแล้วการจะสังหารศัตรูในระยะไกลเช่นนี้ได้ย่อมต้องอาศัยความแหลมคมของอาวุธพิเศษนี้เป็นส่วนสำคัญ
ยามนั้นเขารู้สึกเจ็บแปลบที่บาดแผลมองดูเลือดสดๆไหลล้นออกมาตามง่ามนิ้วมือที่กดแผลไว้พร้อมกับคิดขึ้น
‘เลือดยังคงมีสีแดงสดอยู่อีกทั้งแผลก็ไม่ได้รู้สึกคันชา แสดงว่าอาวุธลับนี้คงจะไม่ได้ฉาบทายาพิษเอาไว้’ จึงค่อยรู้สึกคลายใจลงได้บ้าง
ที่ผ่านมาการซัดอาวุธลับของชายชุดดำผู้นี้มีความแม่นยำอย่างที่สุดมุ่งใส่เพียงจุดตายของศัตรูไม่เคยพลาดเป้ามาก่อนจึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพิษร้ายใด หาคาดไม่ว่าครั้งนี้กลับเหนือความคาดหมาย ชายชุดดำเห็นแน่ชัดว่าการลงมือของตนนั้นแท้จริงไม่พลาดเป้าแต่กลับถูกขัดขวางนึกย้อนเสียดายว่าหากแม้นฉาบพิษเอาไว้แต่แรกย่อมไม่ผิดพลาดเช่นนี้ ยามรู้สึกเดือดดาลทำให้อาการบาดเจ็บที่ถูกชาติชายต่อยจนซี่โครงหักพลันทวีความเจ็บปวดรุนแรงเลือดลมสะดุดติดขัดกระอักโลหิตออกมาอีกคำหนึ่งก่อนที่ภาพตรงหน้าจะพล่ามัวสิ้นสติไปในที่สุด
ทางด้านชายร่างท้วมที่เห็นลูกน้องฝีมือดีของตนลงมือไม่ประสบผลก็โกรธจนหนวดกระดิกทิ้งซิก้าลงพื้นแล้วล้วงปืนพกสั้นออกมาจากเสื้อคลุมที่วางพาดอยู่บนพนักพิงข้างตัวปากก็ตะคอกใส่ชาติชาย
“กูจะดูว่าคราวนี้ใครจะช่วยมึงได้?” ...To be continued.