วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2562

คู่ฟัดสัมผัสต้องห้าม (The Rivals for the Forbidden Touch) ตอนที่ 8 - ศึกชิงนาง

พระนคร มิถุนายน 2499

09:05 น. วันเสาร์
“เฮ้ย! ไอ้ชัด...ไอ้ชัด ทางนี้เว้ย” เด็กหนุ่มวัย 18-19 ปีหน้าตาหล่อคมสมวัยในชุดลำลองสะพายกระเป๋าเป้ท่าทางทะมัดทะแมงกำลังโบกไม้โบกมือตะโกนเรียกเพื่อนท่ามกลางผู้คนที่เดินขวักไขว่หอบหิ้วกระเป๋าเดินทางพะรุงพะรังมารอขึ้นรถทัวร์กันที่สถานีขนส่งจนแน่นขนัด ด้วยความสูงและหุ่นแน่นกล้ามแบบนักกีฬาของเด็กหนุ่มทำให้เขาดูแข็งแรงปราดเปรียวกว่าเด็กหนุ่มทั่วไปในวัยเดียวกัน
“อ้าวเฮ้ย...ไอ้ตรี มึงจะไปไหนวะ?” เด็กหนุ่มผิวเข้มหน้าตาหล่อเหลากล้ามเนื้อคมชัดไม่ต่างจากอีกฝ่ายถามเพื่อนด้วยสีหน้าท่าทางแปลกใจที่มาเจอกันโดยบังเอิญ
“กูจะไปหาพ่อที่พิจิตร” เด็กหนุ่มที่ชื่อตรีตอบด้วยสีหน้าเปี่ยมแววดีใจที่กำลังจะได้เจอพ่อหลังจากไม่ได้เจอกันมาเดือนกว่าแล้วก่อนจะถามกลับด้วยความอยากรู้เช่นกััน..."แล้วมึง... ?"
“กูก็กำลังจะไปหาพ่อที่พิจิตรเหมือนกันว่ะ”
“เฮ้ย...จิงดิ” ชาตรีก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือเพื่อคำนวณเวลาคร่าวๆ...“คงถึงที่โน่นราวๆห้าหกโมง รีบไปซื้อตั๋วกันดีกว่าว่ะ”
ระหว่างทางที่นั่งมาบนรถทัวร์เด็กหนุ่มทั้งสองก็เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อของตนให้อีกฝ่ายฟัง ชาตรีล้วงกระดาษใบนึงในกระเป๋าเสื้อออกมาคลี่ดูแผนที่ซึ่งพ่อเขาเคยเขียนบอกทางให้ไว้ถึงสถานที่ทำงานที่พิจิตร แต่เมื่อชัดชายมองปราดเดียวก็อุทานเบาๆดัง ”เอ๊ะ” ก่อนจะขอเอากระดาษแผ่นนั้นมาดูแล้วพูดขึ้นว่า...
“พ่อมึงทำงานที่เดียวกับพ่อกูเหรอ? คนงานที่นั่นกูรู้จักเกือบหมด พ่อมึงชื่ออะไรวะเผื่อกูเคยเห็น” ชัดชายทำหน้าอยากรู้ปนความรู้สึกแปลกใจเมื่อรู้ว่าพ่อของเพื่อนทำงานที่เดียวกับพ่อของตน
“มึงไม่รู้จักหรอกไอ้ชัด พ่อกูพึ่งย้ายไปทำงานที่นั่นได้ไม่ถึงสองเดือนเลย”
ชัดชายและชาตรีเรียนอยู่สถาบันเดียวกันเพียงแต่อยู่คนละห้องแต่ที่ทั้งคู่รู้จักกันเพราะอยู่ชมรมกีฬาว่ายน้ำเหมือนกันและเคยลงแข่งเป็นตัวแทนนักกีฬาของวิทยาลัยช่างจนได้เหรียญทองประเภททีมชายว่ายน้ำผลัดผสมสี่คูณร้อยเมตรจึงทำให้ทั้งสองสนิทกันเพียงแต่ยังไม่เคยเล่าเรื่องทางบ้านให้กันและกันฟังเพราะต่างฝ่ายก็มีปมที่ขาดแม่ตั้งแต่เด็กปกติเรื่องทางบ้านจึงไม่อยากเอ่ยถึงยกเว้นเรื่องพ่อที่เด็กหนุ่มทั้งคู่ต่างรู้สึกภาคภูมิใจและยึดถือเป็นดั่งวีรบุรุษตลอดมา ชาตรีจะเป็นเด็กหนุ่มอารมณ์ดียิ้มเก่งต่างจากชัดชายซึ่งเป็นเด็กหนุ่มที่เหมือนมีเรื่องในใจให้ต้องคิดตลอดเวลาจึงทำให้ตลอดการเดินทางชาตรีจะเป็นฝ่ายชวนคุยเสียมากกว่า เดินทางกันจนถึงเวลาห้าโมงเย็นรถทัวร์ก็มาถึงตัวเมืองพิจิตร เด็กหนุ่มทั้งสองกระชับเป้บนบ่าเดินลงจากรถโดยชัดชายเดินนำไปยังร้านขายของร้านหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกล
“ไปเชิงเขาตัดตะวันหน่อยครับ” ชัดชายบอกกับหญิงวัยกลางคนที่เป็นเจ้าของร้านซึ่งนอกจากจะเปิดเป็นร้านขายของชำแล้วยังมีรถรับจ้างให้บริการรับ-ส่งคนระหว่างตัวเมืองกับหมู่บ้านและตำบลต่างๆระแวกนั้น
“เชิงเขาตัดตะวัน!” ชาตรีนึกขึ้นได้ว่าน้าชายคนที่เคยช่วยชีวิตตนไว้บอกว่าทำงานก่อสร้างอยู่ที่เชิงเขาตัดตะวัน ไม่คิดว่าวันนี้นอกจากจะได้เจอพ่อแล้วยังอาจจะได้เจอกับผู้มีคุณอีกครั้งอดรู้สึกคึกคักตื่นเต้นกว่าเดิมไม่ได้ เด็กหนุ่มทั้งสองนั่งรอไม่นานก็มีรถเครื่องที่ถูกดัดแปลงให้มีพ่วงข้างสำหรับรับผู้โดยสารเข้ามาจอดหน้าร้านขายของชำ
"ขึ้นได้เลยจ้ารถมาแล้ว" เสียงเจ้าของร้านขายของชำบอกกับเด็กหนุ่มทั้งสอง
ชัดชายพยักหน้าพร้อมกับบอกเพื่อนชายคนสนิท..."ไปเว้ยไอ้ตรี"
ทันทีที่เด็กหนุ่มทั้งสองขึ้นไปนั่ง...รถก็เคลื่อนตัวออกเดินทางสู่จุดหมาย

ณ เชิงเขาตัดตะวัน...
วันนี้จริงๆแล้วเป็นวันหยุดแต่เนื่องจากพรุ่งนี้เสี่ยป้อจะมาดูงานด้วยตัวเองคนงานก่อสร้างทั้งหมดจึงช่วยกันตรวจดูความเรียบร้อยรายละเอียดกันทั้งวันจนได้เวลาเลิกงานก็เริ่มมานั่งพูดคุยจิบเหล้าเบียร์กันตามปกตินิสัยผู้ชาย ไอ้ดำกับไอ้แดงเองตั้งแต่ที่เกิดเรื่องแยกลูกพี่ตัวเองไม่ให้ฟัดกันวันนั้นก็แทบไม่ได้คุยกันเลย จนเวลาผ่านไปเป็นเดือนรู้สึกราวกับว่าเหตุการณ์กลับมาเป็นปกติจึงได้มานั่งดวลเหล้าพูดคุยกันอีกครั้ง
“มีเหล้าแต่ไม่มีนารี...นึกถึงโรงน้ำชาที่มึงเคยบอก กูกับพี่ชายไปมาหลายครั้งแล้วนะเว้ย สาวสวยเยอะจริงว่ะ ไม่น่าเชื่อ นมเป็นนม ตูดเป็นตูด ฮ่าๆๆ” พอเหล้าเข้าปากไอ้ดำก็ชวนคุยแบบคึกคะนองปาก
ไอ้แดงที่อายุอ่อนกว่าอีกฝ่ายก็อดไม่ได้ต้องพูดขึ้นมาบ้าง “แล้วหีไม่เป็นหีเหรอพี่ดำเหลือไว้ทำไม ฮ่าๆๆ”
“กูรู้แค่นมกับตูดเพราะกูจับอยู่สองอย่าง ส่วนหีนี่ต้องถามพี่ชาย.. ลูกพี่กูโน่น ไปแต่ละทีเปิดห้องเย็ดหีอยู่ตั้งหลายชั่วโมง กูนั่งแดกเหล้ารอจนเมาแล้วเมาอีกลูกพี่กูก็ยังเย็ดไม่เสร็จซักที” ไอ้ดำคุยฟุ้งราวกับว่ามันได้เย็ดเองก่อนจะพูดต่อ...
“แต่จะพูดก็พูดเถอะสาวที่ลูกพี่กูเลือกโคตรสวยเลยว่ะ สวยชนิดที่ว่าสาวพระนครยังอาย เห็นเถ้าแก่เรียกว่า “หนูทิพย์ หนูเทิ๊บ อะไรนี่แหละ”
“ปู๊ดดดด...แค่กๆๆ” ไอ้แดงกำลังกระดกเหล้าเข้าปากถึงกับสำลักพ่นเหล้าออกมาเต็มหน้าอีกฝ่ายขณะที่ได้ยินชื่อช่อทิพย์
“เหี้ยยย มึงทำเหี้ยอะไรวะไอ้แดง?” ไอ้ดำหลับตาปี๋กำลังเอามือลูบหน้าเช็ดคราบเหล้าที่อีกฝ่ายพ่นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“มึงบอกว่าอะไรนะ?” คำถามนี้ไม่ได้ออกมาจากปากไอ้แดง เมื่อทั้งคู่หันไปมองก็พบว่าคนที่ถามคำถามนี้ก็คือชาติชาย!
ไอ้แดงหน้าซีดเป็นไก่ต้ม “ล..ล..ลูก..ลูกพี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่?!”
“เมื่อกี๊มึงบอกว่าไอ้ยอดมันไปเย็ดใครมา?...ทิพย์ใช่มั๊ย?...กูถามมึงว่าทิพย์ใช่มั๊ย?” ชาติชายโกรธจนขาดสติไม่ได้ไตร่ตรองให้รอบคอบมือซ้ายจับกระชากคอเสื้อไอ้ดำที่นั่งอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ขึ้นมาอย่างแรงจนร่างผอมสูงเกือบลอยพ้นจากพื้นดุจยกสิ่งของไร้น้ำหนักไม่เปลืองแรงชาติชายแม้แต่น้อยเป็นจังหวะเดียวกับที่ยอดชายเดินออกมาจากห้องพักเพื่อจะมาร่วมวงดื่มเหล้ากับลูกน้องพอดี...
“เห้ย! มึงจะทำอะไรไอ้ดำวะ? มึงมีอะไรมาเคลียร์กับกูนี่!” ยอดชายที่ออกมาเห็นเหตุการณ์รีบตะโกนห้ามไว้ด้วยความเป็นห่วงลูกน้องเพราะดูจากท่าทางที่โกรธเกรี้ยวดุดันของชาติชายคาดว่าเหตุการณ์ร้ายแรงผิดธรรมดาชีวิตของไอ้ดำคล้ายกับแขวนอยู่บนเส้นด้ายก็ไม่ปาน ทางฝ่ายชาติชายเมื่อเห็นคู่ฟัดตัวจริงโผล่มาพอดีก็ปล่อยมือผลักร่างสูงโปร่งของไอ้ดำหงายฟาดลงบนแคร่ไม้ไผ่จนเหล้าเบียร์ที่นั่งดื่มกับไอ้แดงเมื่อครู่หกแตกกระจายเกลื่อนกลาด...แม้แต่ไอ้แดงเองก็ยังไม่เคยเห็นลูกพี่ของมันมีโทสะขนาดนี้มาก่อน
ชาติชายยกนิ้วชี้หน้ายอดชายก่อนจะตวาดก้องจนคนงานหลายคนที่พึ่งเลิกงานและอยู่ในห้องพักต่างพากันออกมาดูเหตุการณ์...
“ไอ้เหี้ยยอด... กูต้องเคลียร์กับมึงแน่...มึงมายุ่งกับทิพย์ของกู วันนี้มึงกับกูต้องแหลกกันไปข้างนึง!” พอพูดจบก็โถมพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายดุจกระทิงหนุ่มที่กำลังบ้าคลั่ง!
ยอดชายยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ขณะขบคิดเพียงไม่กี่วินาทีร่างแกร่งกล้ามของชาติชายก็อยู่ห่างไม่ถึงสองช่วงแขนแล้ว ยอดชายเห็นชัดเจนว่าอีกฝ่ายปล่อยหมัดซ้ายออกมาจนบังเกิดเสียงลมดังวืด...ต่อให้ผู้ที่โง่ที่สุดก็ยังรับรู้ได้ว่าหมัดนี้ของชาติชายมีสภาวะเกรี้ยวกราดรุนแรงยิ่ง ด้วยสัญชาตญาณการต่อสู้ในสายเลือดของบุรุษเพศ ยอดชายจึงก้าวเท้าขวาเบี่ยงไปทางกึ่งขวาหนึ่งก้าวพร้อมทั้งโน้มศีรษะและลำตัวหลบออกวงนอกของหมัดอีกฝ่าย ทันใดใช้มือขวาที่หยาบหนาแข็งแรงพอกันปัดหมัดซ้ายของชาติชายคล้ายกับใช้ออกด้วยท่า ’สลับฟันปลา’...หนึ่งในกลแม่ไม้มวยไทย* ทำให้หมัดซ้ายตรงของชาติชายชกเลยหน้าไป มิคาดหมัดซ้ายนี้เป็นเพียงแค่หมัดหลอกล่อ ชาติชายกลับหมุนตัวใช้ออกด้วยท่า ’ศอกกลับหลัง’ หนึ่งในกลมวยไทยเช่นกัน! ยอดชายได้แต่ยกแขนขึ้นป้องกัน...กล้ามเนื้อท่อนแขนที่ใหญ่ราวท่อนซุงของลูกผู้ชายสองคนปะทะกันดัง ”ปึ้กกกก” การรับศอกจากความโกรธเกรี้ยวของอีกฝ่ายทำให้ยอดชายเซไปด้านข้างเล็กน้อยในขณะที่ชาติชายไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้รีบตามด้วยท่าเตะตรง...การโจมตีต่อเนื่องดุจระลอกคลื่นซัดสาดในพริบตาทำให้ยอดชายได้แต่ยกท่อนแขนใหญ่ล่ำของตนขึ้นเป็นเกราะปิดป้องจุดสำคัญกลางลำตัวแต่ทว่าแรงเตะของชาติชายหนักหน่วงรุนแรงทำให้ยอดชายที่บึกบึนเหมือนโคถึกยังถึงกับต้องเซถอยหลังไปสามก้าวตามสภาวะแรงเตะหากเป็นผู้ที่ไม่ได้ฝึกฝนร่างกายจนแกร่งกล้ามมารับแรงจากการเตะครั้งนี้กระดูกแขนคงแตกหักผิดรูปไปแต่แรกแล้ว! ชาติชายต่อยหมัดเตะเท้าวาดลวยลายเพลงมวยใส่ยอดชายแบบไม่หยุดยั้งทั้งแข้งหมัดเข่าศอกราวกับว่าจะไม่ให้อีกฝ่ายได้หายใจ ยอดชายจึงได้แต่ใช้เพลงมวยตั้งรับคลี่คลายสลายไปได้แบบหืดขึ้นคอ ลานดินปนทรายบริเวณแคมป์คนงานจึงกลายเป็นสนามมวยไปโดยปริยาย...อันที่จริงชายหนุ่มทั้งคู่ต่างมีพละกำลังแห่งความเป็นชายคู่คี่ก่ำกึ่งกันเพียงแต่ยามนี้ชาติชายกำลังโกรธแบบบ้าคลั่งราวกับถูกครอบงำจิตใจด้วยมนต์ของนางอรดี* พละกำลังที่ปลดปล่อยผ่านหมัดเท้าจึงรุนแรงหนักหน่วงกว่ายามปกติเป็นทวีคูณในขณะที่ยอดชายไม่มีเหตุให้เคืองแค้นอีกฝ่ายพละกำลังที่ปล่อยออกผ่านหมัดเท้าถึงแม้จะแข็งแกร่งมั่นคงแต่ก็ยังขาดความเกรี้ยวกราดดุดันจึงทำให้การต่อสู้ยิ่งนานไปยอดชายกลับตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทีละน้อย
________________________________________________________________________________________________________
*แม่ไม้มวยไทยมีทั้งหมดสิบห้าท่าเรียกว่า”สิบห้าไม้”และมีท่าลูกไม้แยกย่อยออกไปอีกสิบห้าท่าแต่ละท่ายังสามารถพลิกแพลงทำให้มีกระบวนท่ารวมทั้งสิ้นถึง 385 ท่า
**นางอรดีหรืออรติ คือ น้องสาวสุดท้องในบรรดาสามพี่น้องธิดาพญามาร มีอำนาจควบคุมจิตใจมนุษย์ให้เกิดความโกรธแค้นขึงเคียดไม่พอใจ (สามพี่น้องธิดาพญามาร ได้แก่ ตัญหา ราคะและอรดี)

คราวนี้บรรดาลูกน้องคนงานต่างไม่มีใครกล้าสอดมือเข้าไปห้ามศึกเพราะกลัวโดนลูกหลงได้แต่ยืนดูสองสิงห์ปะทะกันจนตาลายไปด้วยเพลงมวยที่ทั้งคู่งัดออกมาใช้ต่อสู้กัน...ที่จริงแล้วทั้งยอดชายและชาติชายต่างไม่รู้ชื่อท่าเพลงมวยที่ตนใช้ออกแม้แต่น้อยเพียงแต่ยามต่อสู้ต่างใช้ออกตามสัญชาตญาณของลูกผู้ชายสายเลือดนักสู้เท่านั้น คนงานที่ชอบดูมวยไทยบางคนอดใจทำท่าตีศอกแทงเข่าตามไปด้วยไม่ได้ ยอดชายเองถึงแม้จะค่อยๆตกเป็นรองแต่ด้วยศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายจึงไม่คิดใช้อาวุธเข้าช่วยทุ่นแรงแม้แต่น้อย
ช่วงชุลมุนขณะต่อสู้...เสื้อที่ทั้งคู่สวมใส่แต่แรกต่างถูกอีกฝ่ายกระชากดึงจนขาดไป ฝ่ายหนึ่งบุกฝ่ายหนึ่งถอยฝ่ายหนึ่งโจมตีอีกฝ่ายตั้งรับจนเม็ดเหงื่อผุดพรายไหลหลั่งชโลมผิวแกร่งมันมะเมื่อมพอกันทั้งคู่ ร่างท่อนบนเปลือยเปล่าของทั้งสองคนประดับเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อไร้ไขมัน แผงอกแผ่กว้างนูนหนาเป็นพูแน่นดูแข็งแกร่งสง่างามสมเป็นลูกผู้ชายอกสามศอก กล้ามท้องที่มีซิกแพคขึ้นเป็นลอนๆคมชัดกระจ่างแก่สายตาทุกคู่ที่ยืนดูเหตุการณ์...‘ปึ้กปั่ก ตุ๊บ พลั่ก' เสียงกล้ามเนื้อหนั่นแน่นปะทะกันและกันจากการต่อสู้ดังไม่ขาดหู การกอดรัดคลุกวงในตีเข่าเผยให้เห็นขนรักแร้ดกดำใต้ซอกแขนลูกผู้ชายทั้งสองคนอย่างถนัดชัดเจน เมื่อมัดกล้ามและไรขนหยาบแข็งเปียกชุ่มด้วยเหงื่อไคลเหม็นอับก็ยิ่งขับเน้นความเป็นชายของบุรุษทั้งสองให้ยิ่งเด่นชัดสง่างามสมบูรณ์แบบ ชาติชายที่พัวพันไม่เลิกก้าวเท้าขวาสืบไปข้างหน้าพร้อมกับต่อยหมัดขวาตรงไปยังใบหน้าของยอดชาย ทางด้านยอดชายรีบก้าวเท้าขวาสืบเท้าเข้าหาตัวชาติชายตรงหน้าใช้แขนซ้ายแน่นกล้ามของตนปัดแขนขวาล่ำกล้ามของอีกฝ่ายให้พ้นห่างจากตัว กล้ามแขนชนกล้ามแขนบังเกิดเป็นเสียงดังแน่นทึบ...“ปึ้กกก!” ชาติชายจึงใช้เท้าเตะกราดบริเวณชายโครงของยอดชาย ส่วนยอดชายที่เร็วพอกันรีบผลักตัวถอยเท้าซ้ายไปข้างหลังราวกึ่งซ้ายย่อตัวใช้ศอกขวาถองที่ขาขวาท่อนบนของชาติชาย...ความจริงท่านี้สามารถสะกดข่มท่าเตะตรงของชาติชายได้เพียงแต่ด้วยแรงเตะจากความโกรธสุดขีดของชาติชายทำให้ยอดชายกลับเป็นฝ่ายเซถลาเสียเองจนเกือบเสียหลักล้มฟาดลงกับพื้น
ชาติชายเห็นอีกฝ่ายเกือบพลาดท่ารีบงอแขนขวาโน้มตัวใช้ศอกถองลงบนศีรษะของยอดชาย ทางด้านยอดชายเห็นว่าตัวเองกำลังจะเสียท่า รีบยืดตัวงอแขนให้แขนท่อนบนของตนปะทะรับแขนท่อนล่างของอีกฝ่ายไว้(ใช้แขนรับศอก)...“ปั๊กกก!” กล้ามชนกล้ามอีกครั้งก่อนจะรีบผลักตัวก้าวเท้าขวาไปทางหลังหนึ่งก้าว การรับหมัด-เตะ-ศอก สามท่าต่อเนื่องที่ยอดชายใช้สอดคล้องกับกลแม่ไม้มวยไทยที่ชื่อว่า ”ขุนยักษ์จับลิง” ทำให้หลุดรอดจากการโจมตีของอีกฝ่ายไปได้แบบหวุดหวิดหวาดเสียวแต่ชาติชายกลับก้าวเท้าซ้ายสืบไปตรงหน้ายอดชายอย่างรวดเร็ว พร้อมกับยกแขนใหญ่หนาแข็งแกร่งราวปลอกเหล็กเข้ากอดคอยอดชายเหวี่ยงโน้มลงมาโดยแรงแล้วตีด้วยเข่าบริเวณใบหน้าใช้ออกด้วยท่า ”หักคอเอราวัณ!”...โชคยังดีที่ยอดชายยกข้อแขนทั้งสองขึ้นปิดป้องไว้ทันเพียงแต่แรงตีเข่าอันหนักหน่วงของชาติชายทำให้ชายหนุ่มผิวเข้มหุ่นล่ำถึงกับหงายหลังล้มลง ยอดชายที่ล้มลงถึงกับต้องสะบัดหน้าด้วยความมึนงงเล็กน้อยเหมือนมีดาวระยิบระยับพร่าพรายอยู่บนหัวแต่สายตายังพยายามโฟกัสไปเบื้องหน้าเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังสืบเท้าเข้ามาเตรียมปิดเกม พลางคิดในใจ...’หากปล่อยให้อีกฝ่ายลงมือครั้งนี้คงยากจะต้านทานรับไหวเห็นทีวันนี้คงต้องตายคาตีนอย่างแน่นอน’ ชาติชายที่ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าเตรียมง้างหมัดงัดขึ้นหวังเสยปลายคางอีกฝ่ายให้น็อคในหมัดเดียว หมัดที่เงื้อออกเตรียมพุ่งใส่เป้าหมาย...มิคาดยอดชายที่ดูเหมือนกำลังมึนงงจู่ๆกลับรวบรวมพลังพุ่งตัวเข้ามาดุจลูกเกาทัณฑ์ต่อยหมัดขวาใส่บริเวณท้องเยื้องไปทางซ้ายของชาติชายแบบไม่ทันตั้งตัว...“ปั๊กกก!!”


error loaded


Thanks : https://www.pinterest.com/thejnop2006/kenshiro/


เสียงหมัดต่อยไปที่กล้ามท้องแกร่งทำให้ชาติชายถึงกับซวนเซถอยหลังไปสามก้าวก่อนที่ทั้งคู่จะพุ่งตัวเข้าตะลุมบอนต่อยกันอย่างดุเดือดราวกับจะทดสอบความแข็งแกร่งของมัดกล้ามกันด้วยการแลกกันแบบหมัดต่อหมัดไม่ต้องหลบเลี่ยงป้องกันอีกต่อไป!...


error loaded


Thanks : https://www.pinterest.com/thejnop2006/kenshiro/


”พลั๊ว ตึ้บ ปึ้กปั้ก ตุ้บบบ!” เสียงของมัดกล้ามเนื้อน้อยใหญ่ทั่วสรรพางค์กายท่อนบนอันเปลือยเปล่าของทั้งคู่ที่กำลังโดนหมัดของอีกฝ่ายกระหน่ำต่อยใส่เป็นเสียงที่ทึบแน่นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ากล้ามเนื้อของทั้งสองคนหนั่นแน่นแข็งแกร่งสุดยอดเพียงใด ก่อนที่หมัดสุดท้ายทั้งคู่ต่างต่อยใส่ใบหน้าของกันและกัน “ปึ้กกกกก... พลั๊วะ!” ยอดชายโดนหมัดของชาติชายฝากรักไว้ที่มุมปากด้านซ้ายจนหน้าหันเซล้มลงไปทางขวา ส่วนชาติชายก็ถูกหมัดของยอดชายฝากความคิดถึงเข้าที่บริเวณหางคิ้วซ้ายจนหน้าสะบัดเซล้มไปอีกด้านเช่นกัน ยอดชายใช้หลังมือเช็ดที่มุมปากที่โดนต่อยก็พบว่ามีเลือดไหลหลั่งลงมาเป็นทางโชคยังดีที่ฟันไม่หักเพียงแต่รู้สึกปากด้านที่ถูกชกชาด้านไปหมด ส่วนทางด้านชาติชายก็มีเลือดไหลจากหางคิ้วซ้ายเช่นกัน เลือดสีแดงสดที่ไหลลงมาจากหางคิ้วเปื้อนใบหน้าหล่อคมเป็นเส้นสาย ท่ามกลางบรรดาคนงานที่ยืนดูมวยกันอย่างลุ้นระทึก


error loaded


Thanks : https://www.pinterest.com/thejnop2006/kenshiro/


การต่อสู้ของลูกผู้ชายแบบหมัดแลกหมัด เหงื่อแลกเหงื่อตบท้ายด้วยเลือดแลกเลือดกันแบบนี้สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับบุรุษหนุ่มทั้งคู่เป็นอย่างมาก...



error loaded



พิมพ์คำอธิบายที่นี่




error loaded


ขอบคุณภาพประกอบทั้งหมดจากเรื่อง เคนชิโร่ ฤทธิ์หมัดเทพเจ้าดาวเหนือ (Thanks : https://www.pinterest.com/thejnop2006/kenshiro/)


ขณะที่ทั้งคู่กำลังจะพุ่งตัวอันอุดมไปด้วยมัดกล้ามหนั่นแน่นชุ่มเหงื่อเข้าปะทะกันอีกครั้ง ไอ้แดงกับไอ้ดำก็กำลังจะเข้าไปห้ามไม่ให้ลูกพี่ของพวกมันสู้กันจนบาดเจ็บบอบช้ำรุนแรงไปมากกว่านี้พลันมีเด็กหนุ่มสองคนแหวกม่านคนดูวิ่งเข้ามากลางสนามมวยพร้อมกับตะโกนห้ามคนทั้งคู่ไว้...
“พ่อ...อย่าครับ!!” ชาตรีและชัดชายร้องห้ามเกือบจะพร้อมกัน ต่างฝ่ายต่างวิ่งถึงข้างกายผู้เป็นบิดาบังเกิดเกล้าของตน มือและแขนของเด็กหนุ่มฉุดดึงไม่ให้ผู้เป็นพ่อต่อสู้กันเอง
“มึงปล่อยพ่อไอ้ชัด! กูจะตะบันหน้ามัน” ชาติชายตวาดคนเป็นลูกเสียงเข้มก่อนที่ชัดชายจะบอกเหตุผลที่ไม่อยากให้พ่อของเขาสู้กับอีกฝ่ายว่า
“น้าชายคนนี้เคยช่วยชีวิตผมไว้! อย่าสู้กันเลยครับพ่อ...ผมขอร้อง” ชัดชายวิงวอนผู้เป็นพ่อเพราะจดจำได้ว่าชายหนุ่มกล้ามใหญ่ที่ปากแตกเพราะโดยพ่อของตนต่อยคือคนที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้ตอนโดนท่อนไม้กระแทกร่างจนเกือบจมน้ำตายกลางลำน้ำเจ้าพระยาเมื่อสองเดือนก่อน
ทางด้านชาตรีก็จำได้ว่าชายหนุ่มผิวขาวกล้ามใหญ่ตรงหน้าที่ตอนนี้คิ้วแตกมีเลือดไหลเป็นทางเคยช่วยชีวิตตนไว้เช่นกันจึงขอร้องพ่อของตนอีกทางว่า
“พ่อครับ น้าชายคนนี้เค้าเคยช่วยชีวิตผมไว้แถมยังพาผมไปส่งโรงพยาบาล จะว่าไปเราถือว่าเป็นพวกเดียวกัน อย่าสู้กันเองเลยครับพ่อ”
ทั้งยอดชายและชาติชายต่างงงันวูบไม่เข้าใจสิ่งที่ลูกชายบอกเพราะเด็กหนุ่มทั้งสองไม่เคยเล่าเรื่องราวที่ตนเกือบตายให้ผู้เป็นพ่อฟังจึงไม่รู้ต้นสายปลายเหตุว่าลูกชายของตนไปติดหนี้ชีวิตของอีกฝ่ายได้อย่างไร? ทรวงอกหนาแกร่งกำยำของทั้งคู่ต่างสะท้อนขึ้นลงด้วยความเหนื่อยหอบจากการต่อสู้กันตามจังหวะการหายใจ เหงื่อกาฬเหนียวหนึบไหลอาบทั่วตัวส่งกลิ่นอับชื้นแมนๆออกมาผสมกันอย่างช่วยไม่ได้
“บางทีอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน...น้าชายเคยบอกผมตอนก่อนแยกกันที่โรงพยาบาลว่าถ้ามีเรื่องเดือดร้อนต้องการให้ช่วยอะไรก็ให้มาหาที่นี่...ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมขอร้องน้าชายซักครั้ง อย่าต่อสู้กับพ่อผมได้มั๊ยครับ?” ชาตรีกล่าวคำขอร้องจากใจจริงโดยยกเอาคำพูดของอีกฝ่ายที่เคยพูดไว้มากล่าวอ้าง...ลูกผู้ชายยึดถือสัจจะวาจาเทียบเท่าชีวิต คำพูดที่เคยเปล่งออกจากปากลูกผู้ชายอันเที่ยงธรรมย่อมมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง
ไอ้ดำกับไอ้แดงต่างเข้ามาช่วยห้ามอีกทางหนึ่ง...
“ไอ้ชัดพาพ่อเอ็งกลับห้องไปก่อนไป” ไอ้แดงบอกกับผู้ที่อ่อนวัยกว่าด้วยสีหน้าร้อนรน
ทางฝั่งชาติชายเมื่อหวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เด็กหนุ่มช่วยหญิงชราที่โดนวิ่งราวโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองก็ยังรู้สึกชื่นชมในความกล้าหาญของอีกฝ่ายมาจนถึงตอนนี้จึงรู้สึกเอ็นดูเหมือนชาตรีเป็นลูกชายของตนอีกคน กอปรกับที่ตนเคยพูดไว้จริงว่าถ้าอีกฝ่ายมีเรื่องเดือดร้อนก็จะช่วยเหลือจึงทำให้ชาติชายได้ขบคิด ไหนยังจะเรื่องที่ลูกชายของตนบอกเมื่อกี๊ว่ายอดชายเคยช่วยชีวิตไว้...เรื่องราวเป็นมายังไงไว้สืบสาวให้กระจ่างค่อยกลับมาคิดบัญชีก็ยังไม่สาย
“ก็ได้ เห็นแก่ที่มึงขอร้อง กูจะไม่สู้กับพ่อมึง...แต่ยังไงพ่อมึงกับกูก็ต้องตัดสินชี้ขาดกันด้วยวิธีอื่น!?” ขณะพูด...แววตาอันคมกล้าของชาติชายจ้องเขม็งไปที่ยอดชายบ่งบอกว่ายังไงก็ต้องการตัดสินแพ้ชนะกับอีกฝ่ายให้ได้ในวันหน้า
ถึงแม้ว่ายอดชายจะมีนิสัยเคร่งขรึมเย็นชาแต่ลึกๆก็ชอบเอาชนะตามสันดานของผู้ชายเลือดนักสู้เช่นกันและที่เขาไปติดพันกับช่อทิพย์ก็เพราะความเงี่ยนตามประสาผู้ชายทั่วไปที่ชอบสาวสวยเท่านั้น ซึ่งหากชาติชายมาพูดด้วยดีๆแต่แรกเขาก็คงจะยอมเลิกยุ่งกับช่อทิพย์ด้วยเห็นแก่มิตรภาพแต่พอเห็นอีกฝ่ายใช้ความแข็งกร้าวดุดันเข้าใส่...ในใจกลับนึกพาลอยากเอาชนะจึงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเปี่ยมพลังกล้าแข็งว่า
“มึงอยากจะตัดสินด้วยวิธีไหนก็ได้...กูพร้อมเสมอ!” ก่อนจะถ่มน้ำลายปนคราบเลือดที่ติดมุมปากทิ้งไปคำหนึ่ง
“แล้วมึงกับกูจะได้รู้กัน!” ประโยคทิ้งท้ายของชาติชายย้ำอย่างช้าชัดก่อนจะหันกายกำยำจากไปท่ามกลางความโล่งอกของไอ้แดงกับไอ้ดำ
เมื่อยอดชายเห็นอีกฝ่ายเดินลับหายเข้าไปในห้องพักแล้วจึงเอ่ยถามกับชาตรีลูกชายของตนว่า
“เมื่อกี๊มึงบอกพ่อว่าไอ้ชาติช่วยชีวิตมึงไว้ เรื่องราวมันเป็นมายังไง?” ยอดชายเป็นคนเดียวที่เรียกชาติชายว่าไอ้ชาติไม่ได้เรียกว่าชายเหมือนลูกน้องคนอื่น
“ใช่ครับพ่อ น้าชายเค้าเคยช่วยชีวิตผมไว้จริงๆ” จากนั้นชาตรีจึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อราวสี่เดือนก่อนให้ยอดชายผู้เป็นพ่อของตนฟัง ทางด้านชัดชายก็เล่าเรื่องที่ยอดชายเคยเสี่ยงชีวิตกระโดดน้ำช่วยตนจนปลอดภัยให้กับชาติชายผู้เป็นพ่อฟังเช่นกัน เมื่อฟังเรื่องราวที่ลูกชายบอกเล่าโดยละเอียดทั้งยอดชายและชาติชายต่างลอบรู้สึกนับถือเลื่อมใสในความกล้าหาญและน้ำใจลูกผู้ชายของกันและกันอยู่หลายส่วน ความคิดอคติต่ออีกฝ่ายคล้ายกำแพงที่พังทลายลงเพียงแต่ตลอดเวลาที่รับฟังเรื่องราวกลับนิ่งเงียบไม่กล่าวว่ากระไรแม้แต่น้อย รอยแดงฟกช้ำเป็นจ้ำๆจากการต่อสู้ชกต่อยกันเมื่อครู่เริ่มปรากฏตามเนื้อกายขาวแน่นกล้ามของชาติชายอย่างเด่นชัดแทนเหงื่อไคลที่เริ่มแห้งติดผิวกายหยาบแกร่งกร้าน ชัดชายจัดแจงใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆเช็ดคราบเลือดที่หางคิ้วพร้อมทั้งใช้ผ้าก๊อซปิดแผลให้ผู้เป็นพ่อ ชาติชายถามเรื่องการเรียนและพูดคุยกับชัดชายตามประสาพ่อลูกจนราวห้าทุ่มเศษสองพ่อลูกจึงเข้านอนโดยชาติชายนอนบนเตียงไม้และชัดชายผู้เป็นลูกนอนอยู่ข้างเตียง ยอดชายและชาตรีออกจากห้องพักลูกน้องมาเกือบเที่ยงคืนด้วยเพราะไอ้ดำกับไอ้แดงช่วยกันถ่วงเวลาพูดคุยกับยอดชายจนแน่ใจว่าชาติชายนอนหลับแล้วซึ่งทีแรกไอ้แดงอาสาสลับห้องนอนกับยอดชายเพราะกลัวว่าสองสิงห์จะมีเรื่องกันอีกคราวนี้คงไม่ต้องนอนกันแล้วแต่ยอดชายกลับบอกว่า
"พวกมึงไม่ต้องถ่วงเวลากูแล้ว กูง่วง กูจะกลับห้องไปนอน”
ไอ้แดงกับไอ้ดำหน้าเจื่อนเพราะโดนลูกพี่รู้ทัน...”ถ้ากูรู้ไม่ทันลูกน้อง กูจะเป็นลูกพี่พวกมึงได้ยังไงวะ?” ยอดชายพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ด้วยเหตุนี้ไอ้แดงกับไอ้ดำจึงต้องปล่อยให้ยอดชายกลับไปนอนที่ห้องหัวหน้าคนงานตามเดิมโดยมีชาตรีผู้เป็นลูกตามไปด้วยเผื่อมีอะไรเกิดขึ้นอีกจะได้ช่วยกันห้ามทัน พอเห็นว่าแผ่นหลังหนาแกร่งของยอดชายเดินลับจากปากประตูห้องไป ไอ้แดงก็พูดขึ้นว่า
“นี่แหละมั๊งที่โบราณเค้าว่า เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เลยต้องมีลูกเสืออีกสองตัวไว้คอยห้ามไม่ให้พ่อเสือฟัดกันเอง” ทันทีที่ไอ้แดงพูดจบก็ปรากฏคลื่นเสียงต่ำทุ้มดังขึ้นจากด้านนอก
“กูได้ยินนะเว้ย!” แม้คนพูดจะอยู่ห่างแต่สุ้มเสียงเปี่ยมพลังหนักแน่นกระทบโสตราวกับอยู่ต่อหน้า...ไอ้ดำกับไอ้แดงสะดุ้งโหยงต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันเข้าที่นอน
พอกลับถึงห้อง...ในความมืดสลัวมีแสงรำไรยอดชายเห็นคู่ฟัดของตนนอนถอดเสื้อหลับตาพริ้มอวดมัดกล้ามแกร่งบนเตียงไม้เหมือนเช่นทุกวันแต่วันนี้มีชัดชายนอนถัดลงมาข้างเตียง ภาพชาติชายและชัดชายสองพ่อลูกทำให้ยอดชายคล้ายกับเห็นเงาสะท้อนของตนเองในกระจก ภาพสะท้อนในอดีตระหว่างเขากับภรรยาผุดพรายขึ้นในความคิดเป็นฉากๆเหมือนภาพยนตร์ฉายซ้ำ ความปวดร้าวในหัวใจของชายหนุ่มที่เคยมีในอดีตแต่ทว่าบัดนี้กลับทำอะไรหัวใจที่ชาด้านของเขาไม่ได้อีกแล้ว กาลเวลาที่ผ่านไปหล่อหลอมให้ยอดชายแข็งแกร่งขึ้นทุกวันทั้งร่างกายและจิตใจ ในอดีตยอดชายบอกกับตัวเองว่าเขามีลูกชายต้องดูแล ลูกขาดแม่ไปแล้วจะขาดพ่ออีกคนไม่ได้และเขาก็ทำหน้าที่พ่อได้ดีตลอดมาตั้งแต่ที่ชาตรียังอายุไม่ถึงห้าขวบด้วยซ้ำจนบัดนี้ชาตรีเติบโตกลายเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว
“พรุ่งนี้เสี่ยจะมาดูงาน รีบนอน” ยอดชายที่เปลือยแผงอกกำยำเพราะเสื้อขาดจากการต่อสู้บอกกับลูกชายก่อนล้มตัวลงนอนบนเตียงไม้อีกฝั่งโดยมีชาตรีนอนถัดลงมาข้างเตียง เด็กหนุ่มใช้กระเป๋าเป้ที่สะพายมาหนุนศีรษะแทนหมอนเช่นเดียวกับชัดชายเพื่อนซี้ เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงขณะที่ชาตรีกำลังจะเคลิ้มหลับในความมืด...เสียงคล้ายกระซิบของชัดชายก็เรียกชื่อเขาอย่างแผ่วเบา...To be continued.



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น